วันที่ 12 ธ.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลประกาศจัดการหนี้ทั้งระบบช่วยคนไทยแก้หนี้ 10.3 ล้านราย โดยต้องเป็นความร่วมมือระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้แก้หนี้ทั้งระบบให้จบในรัฐบาลนี้ ซึ่งในส่วนหนี้ในระบบแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ลูกหนี้ได้รับผลกระทบโควิด , กลุ่มรายได้ประจำแต่มีภาระหนี้มาก , กลุ่มรายได้ไม่แน่นอน และกลุ่มเป็นหนี้เสีย(เอ็นพีแอล)มานาน โดยแนวทางช่วยเหลือ เช่น ลดดอกเบี้ยกลุ่มหนี้เสียบัตรเครดิตจาก 16% เหลือ 3-5% นาน 10 ปี , พักหนี้เอสเอ็มอีที่เป็นหนี้เสียจากโควิด(รหัส21) นาน 1 ปี ลดดอกเบี้ย 1% เป็นต้นสำหรับรายละเอียดแก้หนี้ทั้งระบบ กลุ่มแรก ลูกหนี้โควิด ไม่สามารถชำระหนี้ได้ กลางเป็นหนี้เสียมีประวัติอยู่ในเครดิตบูโร เช่น หนี้เอสเอ็มอีจะได้รับความช่วยเหลือ พักหนี้ผ่อนปรนชั่วคราว 1 ปี และลดดอกเบี้ย 1% ยกเลิกสถานะหนี้เสีย มีลูกหนี้ได้รับช่วยเหลือ 1 แสนรายส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ส่วนกลุ่มที่ 2 ลูกหนี้รายได้ประจำแต่มีหนี้มาก เช่น หนี้ครู ตำรวจ ทหาร และหนี้บัตรเครดิต โดยให้โอนหนี้ไปไว้ในที่เดียวอย่างหนี้สกรณ์ เพื่อหักเงินเดือนไปจ่ายหนี้ได้สะดวก และมีเงินเหลือใช้ 30% ของเงินเดือนส่วนครู บุคลากรการศึกษา 9 แสนรายได้จัดทำสวัสดิการเงินกู้ข้าราชการที่มีดอกเบี้ยต่ำสอดคล้องศักยภาพขณะที่กลุ่มหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลที่เป็นหนี้เสีย สามารถเข้าร่วมคลินิกแก้หนี้ มีเจ้าหนี้รายใหญ่ร่วมหลายราย เป็นการนำเงินต้นคงค้างมาคำนวณค่างวดใหม่โดยลดดอกเบี้ยจากเพดาน 16-25% เหลือ 3-5% ต่อปี นาน 10 ปี สมัครผ่านเว็บไซต์ของคลินิกแก้หนี้ส่วนกลุ่มที่ 3 ลูกหนี้ที่มีรายได้ไม่แน่นอน ชำระหนี้คืนไม่ต่อเนื่อง เช่น เกษตรกร ลูกหนี้เช่าซื้อ ลูกหนี้ กยศ. กลุ่มนี้ได้รับพักหนี้ชั่วคราว ลดดอกเบี้ย ลดเงินผ่อนชำระให้ต่ำลง เพื่อสอดคล้องรายได้กับลูกหนี้ อย่างพักหนี้เกษตรกร 3 ปีมีเข้าร่วมแล้ว 1.5 ล้านรายทั่วประเทศ และลูกหนี้เช่าซื้อได้มีกำหนดดอกเบี้ยขอสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์รถใหม่ไม่เกิน 10% รถจักรยานยนต์ไม่เกิน 23%ด้านกลุ่มที่ 4 กลุ่มหนี้เสียคงค้างกับธนาคารมานาน มีประวัติในเครดิตบูโร ทำให้ขอสินเชื่อใหม่ไม่ได้ แนวทางช่วยเหลือคือจะให้แบงก์รัฐร่วมกับบริษัทบริหารสินทรัพย์(เอเอ็มซี) จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อรับโอนหนี้เสียส่วนนี้ คาดว่าจะช่วยเหลือได้ 3 ล้านราย เริ่มได้ไตรมาสแรกปี 67นายเศรษฐา กล่าวว่า การแก้หนี้นอกระบบที่ผ่านมาเปิดลงทะเบียน มีคนเข้ามาลงทะเบียนเข้าระบบไกล่เกลี่ยต่อไปแล้ว และกำชับห้ามเงียบหายโดยเด็ดขาดตามที่ได้สั่งการไว้ ส่วนระยะยาวเป็นการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ยกระดับสินเชื่อและการค้ำประกันสินเชื่อ สะท้อนความสี่ยงลูกหนี้อย่างเป็นธรรม มีมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคเหมาะสม ป้องกันก่อหนี้เกินตัว นอกจากนี้จะเพิ่มความรู้ทางการเงิน ส่งเสริมวินัยการออม และส่งเสริมให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ ให้ปล่อยกู้คิดดอกเบี้ยตามความเสี่ยงและให้มีเงินเหลือ รวมถึงให้ใช้ประวัติชำระหนี้อื่น เช่น จ่ายค่าน้ำค่าไฟเข้ามาประกอบขอสินเชื่อ เป็นต้นนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันมีหนี้ที่มีปัญหา 5 ล้านคน จำนวนบัญชี 12 ล้านบัญชี รวมทั้งหนี้เสีย กับหนี้ใกล้เสีย ซึ่งในส่วนของหนี้บัตรเครดิต ทุกคนที่เป็นหนี้เสียบัตรเครดิตสามารถเข้าคลินิกแก้หนี้ได้ โดยยอดหนี้บัตรเครดิตรวม 5.4 แสนล้านบาท 23.8 ล้านใบ มีปัญหา 1.1 ล้านใบ โดยขณะนี้ไทยมีหนี้ครัวเรือน 16 ล้านล้านบาท คิดเป็น 90% ของจีดีพี.
วันที่ 12 ธ.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลประกาศจัดการหนี้ทั้งระบบช่วยคนไทยแก้หนี้ 10.3 ล้านราย โดยต้องเป็นความร่วมมือระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้แก้หนี้ทั้งระบบให้จบในรัฐบาลนี้ ซึ่งในส่วนหนี้ในระบบแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ลูกหนี้ได้รับผลกระทบโควิด , กลุ่มรายได้ประจำแต่มีภาระหนี้มาก , กลุ่มรายได้ไม่แน่นอน และกลุ่มเป็นหนี้เสีย(เอ็นพีแอล)มานาน โดยแนวทางช่วยเหลือ เช่น ลดดอกเบี้ยกลุ่มหนี้เสียบัตรเครดิตจาก 16% เหลือ 3-5% นาน 10 ปี , พักหนี้เอสเอ็มอีที่เป็นหนี้เสียจากโควิด(รหัส21) นาน 1 ปี ลดดอกเบี้ย 1% เป็นต้นสำหรับรายละเอียดแก้หนี้ทั้งระบบ กลุ่มแรก ลูกหนี้โควิด ไม่สามารถชำระหนี้ได้ กลางเป็นหนี้เสียมีประวัติอยู่ในเครดิตบูโร เช่น หนี้เอสเอ็มอีจะได้รับความช่วยเหลือ พักหนี้ผ่อนปรนชั่วคราว 1 ปี และลดดอกเบี้ย 1% ยกเลิกสถานะหนี้เสีย มีลูกหนี้ได้รับช่วยเหลือ 1 แสนรายส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ส่วนกลุ่มที่ 2 ลูกหนี้รายได้ประจำแต่มีหนี้มาก เช่น หนี้ครู ตำรวจ ทหาร และหนี้บัตรเครดิต โดยให้โอนหนี้ไปไว้ในที่เดียวอย่างหนี้สกรณ์ เพื่อหักเงินเดือนไปจ่ายหนี้ได้สะดวก และมีเงินเหลือใช้ 30% ของเงินเดือนส่วนครู บุคลากรการศึกษา 9 แสนรายได้จัดทำสวัสดิการเงินกู้ข้าราชการที่มีดอกเบี้ยต่ำสอดคล้องศักยภาพขณะที่กลุ่มหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลที่เป็นหนี้เสีย สามารถเข้าร่วมคลินิกแก้หนี้ มีเจ้าหนี้รายใหญ่ร่วมหลายราย เป็นการนำเงินต้นคงค้างมาคำนวณค่างวดใหม่โดยลดดอกเบี้ยจากเพดาน 16-25% เหลือ 3-5% ต่อปี นาน 10 ปี สมัครผ่านเว็บไซต์ของคลินิกแก้หนี้ส่วนกลุ่มที่ 3 ลูกหนี้ที่มีรายได้ไม่แน่นอน ชำระหนี้คืนไม่ต่อเนื่อง เช่น เกษตรกร ลูกหนี้เช่าซื้อ ลูกหนี้ กยศ. กลุ่มนี้ได้รับพักหนี้ชั่วคราว ลดดอกเบี้ย ลดเงินผ่อนชำระให้ต่ำลง เพื่อสอดคล้องรายได้กับลูกหนี้ อย่างพักหนี้เกษตรกร 3 ปีมีเข้าร่วมแล้ว 1.5 ล้านรายทั่วประเทศ และลูกหนี้เช่าซื้อได้มีกำหนดดอกเบี้ยขอสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์รถใหม่ไม่เกิน 10% รถจักรยานยนต์ไม่เกิน 23%ด้านกลุ่มที่ 4 กลุ่มหนี้เสียคงค้างกับธนาคารมานาน มีประวัติในเครดิตบูโร ทำให้ขอสินเชื่อใหม่ไม่ได้ แนวทางช่วยเหลือคือจะให้แบงก์รัฐร่วมกับบริษัทบริหารสินทรัพย์(เอเอ็มซี) จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อรับโอนหนี้เสียส่วนนี้ คาดว่าจะช่วยเหลือได้ 3 ล้านราย เริ่มได้ไตรมาสแรกปี 67นายเศรษฐา กล่าวว่า การแก้หนี้นอกระบบที่ผ่านมาเปิดลงทะเบียน มีคนเข้ามาลงทะเบียนเข้าระบบไกล่เกลี่ยต่อไปแล้ว และกำชับห้ามเงียบหายโดยเด็ดขาดตามที่ได้สั่งการไว้ ส่วนระยะยาวเป็นการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ยกระดับสินเชื่อและการค้ำประกันสินเชื่อ สะท้อนความสี่ยงลูกหนี้อย่างเป็นธรรม มีมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคเหมาะสม ป้องกันก่อหนี้เกินตัว นอกจากนี้จะเพิ่มความรู้ทางการเงิน ส่งเสริมวินัยการออม และส่งเสริมให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ ให้ปล่อยกู้คิดดอกเบี้ยตามความเสี่ยงและให้มีเงินเหลือ รวมถึงให้ใช้ประวัติชำระหนี้อื่น เช่น จ่ายค่าน้ำค่าไฟเข้ามาประกอบขอสินเชื่อ เป็นต้นนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันมีหนี้ที่มีปัญหา 5 ล้านคน จำนวนบัญชี 12 ล้านบัญชี รวมทั้งหนี้เสีย กับหนี้ใกล้เสีย ซึ่งในส่วนของหนี้บัตรเครดิต ทุกคนที่เป็นหนี้เสียบัตรเครดิตสามารถเข้าคลินิกแก้หนี้ได้ โดยยอดหนี้บัตรเครดิตรวม 5.4 แสนล้านบาท 23.8 ล้านใบ มีปัญหา 1.1 ล้านใบ โดยขณะนี้ไทยมีหนี้ครัวเรือน 16 ล้านล้านบาท คิดเป็น 90% ของจีดีพี.
#รัฐบาล #หนี้ทั้งระบบ #ล้างหนี้ #คนไทย #โควิด #ประกาศ #เช่น ลดดอกเบี้ย #หนี้เสีย #บัตรเครดิต #สัญญาว่าที่รัฐบาล
